Thursday, April 18, 2024

คำแนะนำสำหรับคนที่อยากย้ายไปออสเตรเลีย part 1/2

Share

#ทีมออสเตรเลีย #ทีมเมลเบิร์น Part 1/2

ขอแบ่งเป็น 2 Parts นะคะ ไม่งั้นเดี๋ยวยาวไป >> คำแนะนำสำหรับคนที่อยากย้ายไปออสเตรเลีย part 2/2

Part 2 จะเป็น #คำแนะนำสำหรับคนที่ต้องการมาออสเตรเลียค่ะ

สวัสดีค่าา ชื่อฝ้ายฝันนะคะ อยากมาแชร์ประสบการณ์การมาอยู่ที่เมลเบิร์น ออสเตรเลีย และได้มีโอกาสช่วยน้องๆ หลายๆ คนให้มาที่นี่ด้วยวีซ่านักเรียน / วีซ่าท่องเที่ยว + นักเรียน และปัจจุบันน้องๆหลายคนได้ PRแล้ว จากเส้นทางการศึกษาที่เราแนะนำไป

หลาย ๆ คนก็ประสบความสำเร็จ หลาย ๆ คนก็ไม่ไหวกลับไทยไป บางคนหนีวีซ่า หรือ บางคนก็มีที่เปลี่ยนไปเป็นวีซ่าอย่างอื่นที่ไม่เหมาะสมเช่นวีซ่าลี้ภัยเป็นต้น

หนทางไม่ได้ง่ายแต่ก็ไม่ยากจนเกินไปค่ะ สำหรับคนที่ตั้งใจจริง และปฏิบัติตามกฏของประเทศออสเตรเลียได้ค่ะ ขอให้ศึกษาเรื่องต่าง ๆ เช่น วีซ่าประเภทต่าง, อาชีพที่คลาดแคลน, คุณสมบัติที่ควรมี มาอย่างดีทุกคนก็จะมีโอกาสได้ PR

ก่อนจะมาโพสอันนี้ก็ตั้งใจอยากมาให้ความความรู้ แชร์ประสบการณ์ แต่ก็ไม่สามารถอ่านที่ท่านอื่นๆโพสมาแล้วได้หมดนะคะ ถ้าให้ความรู้ที่ซ้ำ ๆ ไปบ้าง ก็ขออภัยด้วยนะคะ

@=================================@

#แนะนำเส้นทางการเป็นพลเมืองออสเตรเลียของตัวเองก่อนค่า

From >> 2012 Work & Holiday VISA >> 2013 Sponsor VISA (ติดตาม) >> 2016 Skilled VISA 189 (ติดตาม)- PR >> 2017 เปิดบริษัท Education Agent ของตัวเอง >> 2018 ยื่นขอ และสอบ Citizen >> Jan 2019 ได้ Australian Citizen

เปิดบริษัทโดยที่ตัวเองไม่ได้เรียนที่ออสฯเลยเนี่ยแหละค่ะ เนื่องจากไ่ด้มีโอกาสทำงานในบริษัทแนะแนวการศึกษา จึงได้นำประสบการณ์ตรงนั้นมาทำธุรกิจด้วยตัวเอง และหาความรู้อัพเดทข่าวสารอยู่เรื่อย ๆ รวมถึงไปเยี่ยมเยียน และประชุมกับโรงเรียนต่าง ๆ บ่อย ๆ

ปัจจุนบันบริษัทเล็ก ๆ ของเราก็สามารถเติบโตฝ่าวิกฤตโควิดมาได้ และก็อยากจะช่วยน้อง ๆ คนไทยให้ประสบความสำเร็จกันเยอะ ๆ ค่ะ

ที่เขียนว่า “ติดตาม” ในที่นี้ก็คือ ติดตามแฟนนี่แหละค่ะ แฟนเป็นคนอิตาลี มาเจอกันที่ออสฯ ด้วย Work & Holiday Visa เหมือนกัน คบกัน 1 ปี แล้วก็ได้แต่งงานกัน

เส้นทางแฟนก็ตามนี้เลยค่ะ

From Italy >> 2012 Work & Holiday VISA >> 2013 Sponsor VISA >> 2016 Skilled VISA 189 – PR >> 2018 ยื่นขอ และสอบ Citizen >> Jan 2019 Australian Citizen

เมื่อได้ PR แล้วก็ทำลูกค่าา เพราะลูกที่เกิดจากพ่อแม่เป็น PR จะเป็น Citizen เลย และครอบครัวที่เป็น PR ก็จะได้ประโยชน์จากรัฐมากมาย

ลูก >> Born Dec 2016 as an Australian Citizen

ช่วงปี 2017 – 2018 ที่เดินทางไปต่างประเทศ ตม.ก็ชอบแซว พ่อ แม่ ลูก ใช้ Passport คนละประเทศกันเลยค่าา 55+

@=================================@

#สิ่งที่ชอบในประเทศออสเตรเลีย

1. คนส่วนใหญ่ เข้าใจในความเป็น Multi-Culture ของประเทศนี้ และสามารถอยู่ร่วมกันด้วยความรู้สึกที่เท่าเทียมกัน ไม่ว่าคุณจะทำงานอาชีพอะไร เพราะทุกอาชีพค่าแรงสูง ๆ กันทั้งนั้นจ้ะ พวกช่างก่อสร้าง ทาสี ช่างประปา คนขับรถไฟ คนขับรถแทรม เงินเดือนสูงกว่าพนักงานออฟฟิศอีก

ทุกคนมีความ respect กันในระดับที่ดีทีเดียวเลย ต่อให้คุณจะแปลกแหวกแค่ไหน จะไม่มีใครมาตัดสินว่าคุณไม่ดีนะคะ สอบถามน้อง ๆ หลายคนว่าทำไมชอบที่นี่ หลาย ๆ คนบอกว่า หนูได้เป็นตัวเองเต็มที่ดีค่ะพี่ อยากทำอะไรก็ทำไม่อึดอัด ไม่ต้องแคร์สายตาผู้อื่น

2. รัฐบาลประเทศนี้ร่ำรวยค่ะ (เค้าก็เก็บภาษีเยอะด้วยอ่ะเนาะ) ในช่วงโควิดที่ผ่านมา ใช้เงินไปกับการช่วยเหลือคนในประเทศอย่างจริงจังเต็มเม็ดเต็มหน่วย ในหลาย ๆ เรื่อง Jobkeeper ได้สูงสุดเดือนละ 3,000 AUD, Jobseeker ได้สูงสุดเดือนละ 1,240 AUD นักศึกษาต่างชาติได้รับเงินช่วยเหลือค่าเล่าเรียนสูงสุดถึง 1,100 AUD, เงินช่วยเหลือค่าเช่าบ้านได้สูงสุดถึง 3,000 AUD นอกจากนี้ก็จะมีการลดหย่อนภาษีต่าง ๆ เงินช่วยเหลือครอบครัวที่มีบุตร, ค่าเล่าเรียนฟรี ฯลฯ

3. การจัดการกับปัญหาโควิดในช่วงที่ผ่านมารวดเร็ว ทันการมาก และสนับสนุนให้ตรวจโควิดกันทุกคน สำหรับคนที่มีความเสี่ยง รัฐบาลจะอัพเดทข้อมูลสำหรับผู้ที่อยู่ในจุดเสี่ยงตลอดทุกวัน และยังมีจุดที่สามารถตรวจโควิดได้เยอะมาก ๆ รวมถึงให้เงินสนับสนุนผู้ที่ต้องหยุดงานเนื่องจากต้องกักตัวรอผลตรวจโควิดด้วย ถึงแม้จะมีความประมาททำให้ยอดผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงในช่วงแรก และต้อง Lockdown ถึง 2-3 ครั้ง ก็มีมาตรการออกมาให้ประชาชนได้ปฏิบัติตามอย่างชัดเจน

เราจะเห็นผู้นำรัฐออกมาแถลงแม้ในวันหยุดราชการบ่อย ๆ จนนำไปสู่ภาวะที่ควบคุมได้ ทุกคนใช้ชีวิตปกติถึงแม้ยังมีคนที่ฉีดวัคซีนกันน้อยมาก (ถึงตอนนี้ก็แค่ 10% ของคนทั้งประเทศ) Ranking การจัดการกับโควิดก็เป็นอันดับ 3 ของโลกนาจารองจากสิงคโปร์ และนิวซีแลนด์

4. ค่าใช้จ่ายในการออกกำลังกาย โยคะ พีลาทีส เทนนิส กอล์ฟ ฯลฯ ถูกกว่าไทยอีกค่ะ บางที

5. รัฐวิคตอเรียที่อยู่ ก็จะมีการกระจายความเจริญไปสู่เมืองต่าง ๆ ในเมืองต่าง ๆ นอกจากเมลเบิร์นแล้ว ก็จะมีแทรม มีรถไฟ มีรถบัสเข้าถึง พร้อมทั้งมีห้างสรรพสินค้า ร้านค้า สถานพยาบาล แหล่งออกำลังกาย โรงเรียนดี ๆ ต่าง ๆ อยู่ในแทบทุกเมืองใหญ่ ๆ

6. สถานที่ท่องเที่ยวเยอะมาก ทะเล ภูเขา หิมะ ศิลปะ พิพิธภัณฑ์ มีหมด โดยที่ไม่ต้องขับรถไปไกลๆ สถานที่สำหรับเด็กต่าง ๆ ก็เยอะ สวนสาธารณะมีทุกเมืองเมืองละหลาย ๆ แห่ง ไปไหนมาไหนรถก็ไม่ติด หรือสามารถไปได้ด้วยรถไฟ รถบัส รถแทรมได้ง่าย ๆ เลย และ Event พิเศษในช่วงวันสำคัญต่าง ๆ ก็เยอะ ส่วนใหญ่ก็ฟรี เที่ยวเพลินมากค่ะ

7. ในด้านของครอบครัว ถ้ามีลูกที่นี่ ก็คือสบายในหลาย ๆ ด้าน ทั้งเงินช่วยเหลือในการเข้าใช้บริการ Childcare center โรงเรียนประถามที่นี่ ก็มาตรฐานเหมือนโรงเรียนนานาชาติที่ไทย ที่อาจจะต้องเสียเงินเป็นล้านต่อปี แต่ที่นี่เสียแค่ค่าอุปกรณ์การเรียนจ้า ไม่ต้องเสียค่าเรียนด้วย

8. ชาวต่างชาติที่เป็น PR / Citizen ของที่นี่แล้ว แต่ยังหางานไม่ได้ด้วยเรื่องการจำกัดด้านศึกษา ที่นี่ก็จะมีให้เรียนวิชาชีพที่ราคาถูกมาก เหมือนฟรีนั่นแหละ FREE TAFE Course มีเยอะมาก ยิ่งช่วงโควิด ถ้าไม่มีงาน ส่งให้เรียนแบบ on the job training free เลยจ้ะ ได้งานได้ความรู้ ได้เงินด้วย

9. กฏหมายมีความศักดิ์สิทธิ์ ผิดก็คือผิด ว่ากันไปตามนั้น ไม่มีข้อยกเว้นใด ๆ ทั้งสิ้น และบทลงโทษที่ค่อนข้างหนัก ดังนั้นจะเป็นเมืองที่ค่อนข้างมีความปลอดภัยอยู่พอสมควรเลย แล้วคนก็มีความซื่อสัตย์ มีความเคารพกฏหมายกันด้วย

กาเหว่า
กาเหว่าhttp://konderntang.com
มีความชอบและหลงไหลในเทคโนโลยีทางด้านไอที การลงทุน และเงินคริปโต .. นอกจากนี้แล้วมักใช้เวลาว่างไปกับการท่องเที่ยว ถ่ายรูป ไปค่ายอาสา ..

Read more

Local News