Tuesday, April 16, 2024

ใช้ชีวิตที่นิวซีแลนด์ยังงัยให้งบน้อยที่สุด

Share

#ทีมนิวซีแลนด์ How to ไปลองใช้ชีวิตที่ New Zealand ยังไงให้ใช้งบน้อยที่สุด ทุกโอกาสที่เข้ามาเกิดจากการวางแผนและเตรียมตัว ไม่ใช่โชคช่วย ก้าวแรกสู่โอกาสในการขอ Work Visa และโอกาสอื่น ๆ ในชีวิต

สวัสดีครับ พอดีเห็นหลายโพสบอกว่าปัญหาหลักไม่ใช่เรื่องภาษาอย่างเดียวแต่คือเรื่องเงิน วันนี้ผมขอมาแนะนำโครงการ Working Holiday ครับ เพราะได้ Work Visa 1 ปีเต็ม สามารถไปทำงานหรือเรียนก็ได้ โดยใช้เงิน Statement แสดงประมาณ 150,000 เท่านั้น + ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ไม่เกิน 50,000 และใช้เกณฑ์ IELTS 4.5 ขึ้นไปเท่านั้น

โดยโครงการนี้จะมี 2 ประเทศด้วยกันคือ Australia มีโควตา 2,000 คน และ New Zealand มีโควตา 100 คนเท่านั้น ก่อนอื่นต้องขอบคุณทางเพจ thaiwahclub.com อย่างเป็นทางการที่คอยอัพเดทข้อมูลโครงการ แนะนำขั้นตอนต่าง ๆ จนผมมีโอกาสได้ไปโครงการนี้ที่ New Zealand รุ่น 2019 ครับ

สำหรับใครที่แพลนจะไปโครงการนี้ไปติดตามเพจได้เลยครับ สำหรับวันนี้จะมารีวิว Part ในส่วนของโครงการเป็นหลัก ค่าใช้จ่ายและการเตรียมตัวเบื้องต้นนะครับ

ผมเริ่มเห็นรายละเอียดโครงการช่วงเดือน Feb 2019 เลยตัดสินใจลงสมัครสอบ IELTS ทันทีครับ ค่าสอบ 6,900 บาท ตัดสินใจลงสอบครั้งเดียวพอเพราะค่าสอบแพงเหลือเกิน! โดยมีระยะเวลาเตรียมตัวประมาณ 2 เดือน เพื่อสอบปลายเดือน Apr 2019 ให้ผลคะแนนออกทันสมัครโครงการในช่วงเดือน May 2019 เทคนิคที่ใช้ตอนนั้นคือ เริ่มจากอ่านหนังสือ Cambridge Guide IELTS ก่อนเลยครับ แล้วหัดทำข้อสอบย้อนหลังวนไป พยายามบังคับตัวเองอ่านให้ได้อย่างน้อยวันละ 1-2 ชม. ครับ และเวลาทดลองทำข้อสอบต้องจับเวลาจริงทุกครั้ง ไม่อย่างนั้นวันสอบจริงจะบริหารเวลาไม่ทันครับ

เวลาว่างก็ฟัง Podcast เปิดเสียง IELTS Listening Part วนไปครับ เดี๋ยวนี้ใน YouTube มีเยอะมาก พยายามฟังวนไปวนมาสัก 3 รอบ จับใจความ แล้วค่อยเปิด Script ว่าเค้าพูดอะไรบ้าง ตรงตามที่เราเข้าใจไหม พลาดตรงไหน สำหรับคนอ่อน Grammar แบบผมได้แต่ใช้บุญเก่าที่มีครับ เพราะมีเวลาทบทวนน้อย แต่ไปมุ่งเน้น Part Listening + Speaking แทน พราะส่วนตัวคิดว่า 2 Part นี้ทำคะแนนได้ง่ายกว่า

โครงการนี้ไม่มีค่าใช้จ่ายนะครับ และไม่มีทุนเช่นกัน ฉะนั้นถ้ากดโควตาได้ ค่าใช้จ่ายเองที่ต้องออกจะเป็นพวกการตรวจสุขภาพ ค่าวีซ่า ค่าประกันสุขภาพ ค่าตั๋วเครื่องบินและ Pocket Money ที่ต้องใช้ตั้งตัวช่วงแรกที่ตปท.ครับ

โดยคนงบน้อยอย่างผม คุมค่าใช้จ่ายทั้งหมดอยู่ที่ 50,000 บาทครับ ตอนนั้นได้ตั๋ว Low Cost Ais Asia บินไปลง Brisbane, Australia ได้ในราคา 5,000 บาทรวมกระเป๋า 30 กิโล แถมได้แวะเที่ยวไม่เสียค่าวีซ่า เพราะใช้ Transit Visa สามารถแวะเที่ยวได้ 72 ชม. แต่ต้องเก็บข้อมูล Biometrics ที่ VFS ครับประมาณ 800 บาท

– ค่าสอบ IELTS 6,900
– ค่าตั๋วบินไปลง Australia 5,000 + ค่าตั๋วจาก Australia บินไปลง New Zealand 6,000
– ค่าประกันสุขภาพ 10,000 ** ไม่บังคับ แต่แนะนำให้ทำ**
– ค่า Visa 280 NZD ประมาณ 6,000
– ค่าตรวจสุขภาพค่าใช้จ่ายอื่นๆ ประมาณ 3,000

จะเห็นว่าค่าใช้จ่ายจริงประมาณ 37,000 บาทครับ + Pocket Money ตอนไปผมกดเงินสดไปแค่ 500 NZD แต่สมัครบัตร SCB Planet แทนครับเพราะได้เรทถูก สามารถซื้อสกุล NZD หรือ AUD แล้วไปรูดใช้จ่ายที่นู้นได้ ไม่ต้องกังวลครับทุกร้านแทบจะรับบัตรหมด

สำหรับ Statement ที่ใช้ยื่นขอ Visa ของ New Zealand จะต้องมีเงินในบัญชี 7,000 NZD ครับ หรือประมาณ 150,000 ครับ (ใช้เพื่อแสดงเฉย ๆ นะครับ ตอนวีซ่าออกแล้ว สามารถโยกเงินออกได้) หรือใครไม่มีเงิน สามารถให้พ่อแม่ ญาติ เป็น Sponsor ได้ครับโดยใช้บัญชีของ Sponsor แทนแต่ต้องเขียนจดหมายอธิบายเพิ่มเติมว่ามีความสัมพันธ์อะไรกับเรา ทำไมถึง Sponsor เราครับ

สำหรับผมเอง ตอนนั้นเงินสดขนาดนั้นไม่มีแน่ ๆ ครับ เลยใช้วิธีถอนหุ้นที่มีใน Port หาเงินมารวมกันให้ถึงครับ เพื่อเอาเงินสดมาถือในมือ โดยตอนขอ Visa ผมใช้วิธีเขียนจดหมายแนบเพิ่มเติมแสดงความประสงค์และชี้แจงที่มาของรายได้ครับ ว่าเงินเรามาจากไหนเป็นก้อน แนบหลักฐานเพิ่มเติมไปด้วย เคสผม Visa Granted ไม่มีปัญหาใด ๆ ครับ

Part การเตรียมตัวก่อนไป:

ก่อนอื่นอยากจะแนะนำสำหรับคนที่ไม่เคยมีประสบการณ์แบบผม เพราะทำงานออฟฟิศมาอย่างเดียวในชีวิตนี้ ลองหาอะไรทำที่ไทยก่อนครับ อย่าไปตัวเปล่า อย่าไปตายเอาดาบหน้า เดี๋ยวได้ตายจริง! โดยก่อนไปผมไปฝึกงานทำกาแฟที่ร้านเพื่อนอยู่ 1 เดือนครับ และมาหัดทำ Latte Art ที่บ้านแทบทุกวัน เพราะเชื่อว่าถ้าเรามี Skill ส่วนนี้ไปก่อนแล้ว หางานไม่ยากแน่นอน พอไปถึงจริงเวลาสัมภาษณ์งาน ทางร้านก็ให้เราทดลองทำกาแฟให้เค้าดู Basic Menu อย่างพวก Flat White หรือ Latte และดูเราว่าทำเป็นจริง ๆ ไหม เงอะ ๆ งง ๆ ไหม

ขอตัดมาที่ตอนมาถึง NZ แล้วนะครับ ช่วงแรกผมก็นอน Hostel เพราะต้องการประหยัด อีกวันก็รีบหาบ้านเช่า จัดการย้ายของให้เรียบร้อย และเริ่มหางานทันทีไม่มีเวลาเล่นแล้ว เพราะเงินจะหมด! ใช้เวลาหางาน 1 อาทิตย์ครับ มุ่งเป้าไปที่ Barista เป็นหลักเพราะเรารู้วิธีทำส่วนนี้แล้ว สรุปได้งานเป็น Full Time Barista ร้านอาหารกึ่งคาเฟ่ใกล้บ้านแนว Turkey & Mediterranean แถมโชคดีที่ร้านเป็นร้าน Chain ใหญ่เลยมีงานให้ทำตลอดเวลา สรุปไปอยู่มา 1 ปีทำมาทั้งหมด 3 สาขาทั่ว Auckland ครับ

ทุกโอกาสที่เข้ามาอยู่ที่เราเตรียมตัวให้พร้อมหรือเปล่า ? โดยระหว่างทำงานผมรับอาสาช่วยทุกอย่าง เริ่มจากเรียนรู้งานใน Bar ได้หมดจนได้เป็น Bar Staff เต็มตัว อยู่ใน Bar คนเดียวทำทั้งกาแฟและ Alcohol บางวันคนขาด ไม่พอ ก็กระโดดไปช่วยใน Floor รับออเดอร์ ช่วยเสิร์ฟอาหาร สลับไปทำแคชเชียร์คิดเงินบ้าง ล้างจานบ้าง ในครัวอยากให้ช่วยก็รับหมด สาขาอื่นขาดคนเราก็ไปช่วย จนมีช่วงนึงทำ 2 สาขา ทำงาน 7 วันติด

ทำงานได้ประมาณ 6 เดือน เจ้านายเรียกคุยว่าวางแผนชีวิตไว้อย่างไร ถ้าจะปักหลักที่นี่จะช่วย Sponsor Work Visa ให้ ซึ่งถ้าได้ก็มีโอกาสได้ Work Visa 3 ปี โดยเหตุผลที่นายจ้างบอกเราคือ เพราะเราทำได้ทุกอย่างแล้วในร้าน ถ้าไปสอบ Manager License มาได้ และเรียนรู้ Restaurant Management เพิ่มเติม จะสามารถดูแลร้านได้ทุกอย่างแล้ว

ซึ่งปกติถ้าถือ Work Visa สัก 5-6 ปี ลงเรียนเพิ่มเติม เก็บคะแนนให้ถึงเกณฑ์ก็สามารถเริ่ม Apply PR ได้ครับ (สำหรับส่วนตัวผมเองตอนนั้น ปฏิเสธนายจ้างไป เพราะมีแผนกลับมาทำธุรกิจส่วนตัวที่ไทย)

สำหรับเรื่องรายได้ ค่าแรงขั้นต่ำที่ NZ ตอนนี้จะอยู่ที่ 20 NZD ครับ หรือประมาณ 440 บาท/ชม งาน Full Time เฉลี่ยชั่วโมงทำงานจะอยู่ที่ 30-40 ชม/week ครับ แต่ตอนนั้นผมทำเกือบทุกอย่าง เลยทำอาทิตย์ละ 50-70 ชม./week ครับ ช่วงเดือน Nov-Dec เป็นช่วง Celebration ปลายปี รายได้แตะ 100,000 บาท+ เพราะงานเยอะมาก

ส่วนค่าครองชีพสูงก็จริง แต่ส่วนตัวมองว่ามันสัมพันธ์กับรายได้ครับ ต่อให้คุณทำงานเป็นพนักงานล้างจานหรือทำงานในฟาร์ม ก็ได้ค่าแรงขั้นต่ำตามกฎหมาย และส่วนตัวไม่ได้รู้สึกว่าเป็นพลเมืองชั้นสอง เพราะคนที่เจริญแล้วให้เกียรติซึ่งกันและกัน ไม่มีใครมาดูถูกเราว่าเราเป็นแรงงานต่างชาติ แบบที่คนไทยเองหลายๆคนเผลอใจหรือไม่ตั้งใจดูถูกแรงงานประเทศเพื่อนบ้านเราเอง

สำหรับภาษีดูเหมือนจะสูง แต่เนื่องจากเรามีเกณฑ์รายได้ที่เข้าเกณฑ์ปกติของเค้า ซึ่งมาแลกมากับสวัสดิการต่าง ๆ ครับ โดยตอนนั้นผมเสียภาษีเฉลี่ยประมาณ 12-15% ครับเพราะเป็นเกณฑ์ขั้นบันไดแบบบ้านเรา (ซึ่งไทยเราเองถ้ามีรายได้หลักแสนก็น่าจะเสียในเกณฑ์ใกล้เคียงนี้เหมือนกัน) แต่การเสียภาษีของ NZ แบบนี้แลกมากับสวัสดีการที่ดีมาก

โดยขอเน้นที่เห็นชัด ๆ จากนโยบายเยียวยาจากเหตุการณ์ Covid ครับ โดยช่วงนั้นพอเจอคนติดเชื้อในประเทศรัฐบาลรีบประกาศ Lockdown ทันที ประมาณ 1.5 เดือน ตามมาด้วยประกาศนโยบายช่วยเหลือพนักงานและธุรกิจ โดยรัฐจะช่วยจ่ายให้ 585 NZD/week สำหรับ Full Time หรือประมาณ 12,000 บาท /week แม้ว่าเราจะไม่ได้ทำงานก็ตาม โดยจ่ายไปที่นายจ้างให้นายจ้างจ่ายเงินให้เราอีกที ซึ่งส่งผลให้ภาระหนักของร้านอาหาร ซึ่งก็คือค่าจ้างพนักงานส่วนนี้หายไป ทำให้ร้านอาหารเองก็สามารถอยู่รอดได้กับวิกฤตนี้ พนักงานก็ไม่ต้องตกงาน สุดท้ายนโยบายนี้ได้ขยายถึง 3 เดือน ครับ เท่ากับร้านค้าเองไม่ต้องออกค่าใช้จ่ายพนักงานถึง 3 เดือน (ข้อมูลนี้ก่อนที่ผมจะกลับมาไทยครับ ไม่แน่ใจว่าสุดท้ายขยายไปยาวแค่ไหน)

สิ่งที่อยากจะบอกคือทุกอย่างอยู่ที่ตัวเราและการเตรียมตัวครับ ถ้าเรางบน้อย ภาษาไม่แข็ง คงไม่สามารถคิดว่าจะไปวันนี้ แล้วจะได้ไปตปท. ภายในพรุ่งนี้ อาจต้องใช้เวลาทบทวนเก็บเงินสัก 1 ปี แล้วหาโอกาสไปที่นั่นให้ได้ก่อน เพื่อหาโอกาสอื่น ๆ ที่จะเข้ามาครับ (ผมใช้เวลาทั้งหมด 8 เดือน จากเห็นโครงการ Feb 2019 ได้บินจริงเดือน Oct 2019) สำหรับคนที่ภาษาแข็งแรงแล้ว NZ มีทุนเต็มของรัฐบาลนะครับ ออกให้ทั้งค่าเรียน ป.ตรี / ป.โท มีค่าใช้จ่ายรายเดือนให้ด้วย ลองติดตามที่เว็บไซต์ https://www.nzscholarships.govt.nz/

** สำหรับข้อมูลบางส่วนถ้าผิดพลาดไป ยังไงคอมเมนต์แย้งได้เลยนะครับ บางข้อมูลเก่าแล้ว จำไม่ค่อยได้แล้วครับ**

กาเหว่า
กาเหว่าhttp://konderntang.com
มีความชอบและหลงไหลในเทคโนโลยีทางด้านไอที การลงทุน และเงินคริปโต .. นอกจากนี้แล้วมักใช้เวลาว่างไปกับการท่องเที่ยว ถ่ายรูป ไปค่ายอาสา ..

Read more

Local News