Thursday, March 28, 2024

Passive Income และทางเลือกในการสร้างรายได้

Share

Passive Income เป็นรายได้ที่ได้รับโดยไม่ต้องใช้เวลาในการแลกมา เป็นอีกหนึ่งวิธีการหาเงินที่สามารถเพิ่มคุณภาพชีวิตให้แก่ผู้มี Passive Income ได้ เพราะหากเรามีรายได้เข้ามาแบบ Passive Income อย่างต่อเนื่องนั่นหมายความว่า เรามีความมั่งคั่งในการเงิน มีความเสี่ยงในเรื่องของการเงินน้อยลงเพราะมีรายได้หลายทาง ไม่ต้องใช้แรงงานและเวลาเพื่อแลกเปลี่ยนกับเงินอีกต่อไป มีอิสรภาพทั้งเวลาและการเงิน สามารถซื้อสิ่งอำนวยความสะดวก ท่องเที่ยว และอื่น ๆ ที่สามารถสร้างชีวิตให้มีความสุขสบาย

ถ้าให้พูดถึงความหมายของ Passive Income แบบเฉพาะเจาะจงแบบฟันธงไปเลยนั้นคงสามารถนิยามให้เหมือนกันได้ยาก แต่สรุปง่าย ๆ ก็คือ รายได้ที่ได้รับเข้ามาแบบอยู่นิ่ง ๆ นั่นเอง ในขณะที่เรามีรายรับเข้ามาเรื่อย ๆ เราอาจจะเอาเวลาที่เหลือไปสร้างความฝันอื่น ๆ ต่อ อาจจะลาออกจากงานประจำหากว่า Passive Income ของเราคงที่และมั่นคงแล้ว สุดท้ายก็นำรายได้ที่ได้รับสร้าง Passive Income ชนิดอื่น ๆ ให้งอกเงยขึ้นไปเรื่อย ๆ จงเรียนรู้และสร้างประสบการณ์ต่อไปแบบไม่มีวันหยุด

มนุษย์เงินเดือนส่วนมากแล้วก่อนจะมี Passive Income ก็เริ่มต้นจาก Active Income กันทั้งนั้น ซึ่งเมื่อได้รับรายได้จากเงินเดือนได้ประมาณหนึ่ง หลาย ๆ คนก็จะเริ่มมองหารายได้จากช่องทางอื่น ๆ มากขึ้น หลายคนอาจจะลงทุนในหุ้น หรือตราสารต่าง ๆ หรืออาจจะลงทุนซื้อคอนโดเพื่อให้เช่า แม้กระทั่งนำเงินเดือนไปลงทุนกิจการก็ได้เช่นกัน ไม่มีตัวเลือกใดถูกหรือผิดทั้งสิ้น

รายได้เสริมแบบ Passive Income

Passive Income คืออะไร

จากข้อมูลของผู้เชี่ยวชาญทางด้านการเงิน ผู้เขียนหนังสือยอดฮิตชื่อ “พ่อรวยสอนลูก” และ “เงินสี่ด้าน” ได้บอกไว้ว่า “อยู่เฉย ๆ ก็ยังได้เงิน” ได้จำแนกประเภทของคนตามลักษณะรายได้ที่ได้รับออกเป็น 4 ประเภทดังนี้

  1. E:Employee – พนักงานหรือคนที่ทำงานเพื่อแลกกับเงิน เป็นการนำความรู้, แรงงาน และเวลาของตนเอง แลกกับค่าตอบแทนที่นายจ้างจ่ายให้จากการทำงานให้นายจ้าง ไม่ว่าจะเป็นบริษัทเอกชน หรือพนักงานในภาครัฐนับรวมเป็นบุคคลประเภทนี้ทั้งสิ้น
  2. S:Self Employee – คนกลุ่มนี้ก็จะดีขึ้นมาจากกลุ่มแรก คือกลุ่มที่มีธุรกิจ กิจการเป็นของตัวเอง แต่ก็ยังไม่ใช่ขนาดที่ใหญ่ เช่น ร้านเช่าหนังสือ, ร้านข้าวแกง เป็นต้น แต่ก็ยังไม่ได้หมายความว่าจะหยุดทำงานได้ หากหยุดเมื่อไหร่ รายรับที่เคยได้ก็จะหยุดตามทันที
  3. B:Business Owner – คือกลุ่มคนที่มีรายได้ที่เยอะ มีการจัดตั้งกิจการที่มีการบริหารจัดที่เป็นระบบ มีการจ้างงาน จ้างบุคคลประเภทที่ 1 แล้วให้ทำงานแทนตนเอง ถึงแม้ว่าคนกลุ่มนี้ไม่ได้ทำงาน ก็จะยังมีรายได้เข้ามาตลอด
  4. I:Invester – กลุ่มคนกลุ่มนี้อาศัยให้เงินทำงานแทนตนเอง โดยการลงทุนซื้อทรัพย์สิน หรือลงทุนในหุ้นและตราสารต่าง ๆ ที่ได้รับผลตอบแทน

นอกจากนี้ โรเบิร์ต คิโยซากิ ยังจัดกลุ่มคนตามที่มาของรายได้  แบ่งออกเป็นสองฝั่งด้วยกันคือ คนฝั่งซ้ายคือ คนที่มีรายได้แบบ Active Income หมายถึงต้องนำแรงและเวลาไปทำงานเพื่อสร้างรายได้ “ต้องทำงานเท่านั้นถึงจะได้เงิน” ส่วนคนฝั่งขวาคือ กลุ่มคนที่มีรายได้แบบ passive income กลุ่มคนที่มีรายได้จากการใช้ทรัพย์สินทำงานหรือการใช้เงินทำงานแทนตนเอง นั้นคือประเภทที่มาของรายได้แบบ 3 และ 4

Passive Income อะไรบ้างที่สร้างความมั่งคั่งได้

Passive Income มีหลากหลายประเภทที่สามารถสร้างรายได้ให้กับเราได้อย่างมั่นคง บางอย่างอาจจะมีสำหรับบางคน แต่บางอย่างก็ไม่สามารถสร้าง Passive Income ให้สำหรับบางคนได้ ไม่ต่างจากงานปกติทั่วไปที่ต้องอาศัยความชอบ ส่วนตัวแต่ละบุคคลด้วย ลองไปดูตัวอย่าง Passive Income ที่พบเห็นกันได้ทั่ว ๆ ไปครับ

  • มีกิจการเป็นของตัวเอง  โดยจัดตั้งเป็นบริษัทที่มีการบริหารจัดการอย่างเป็นระบบ มีการจ้างบุคคลากรเพื่อทำงานแทนเรา สามารถตรวจสอบควบคุมค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานได้ถึงจะสามารถเรียกว่า Passive Income ได้เต็มปาก “แต่คุณต้องมีเงินมากและมีความรู้ ที่สำคัญคือ มีทักษะในการใช้คนเก่งได้ดี”
  • ลงทุนในตลาดหลักทรัพย์  เป็นการลงทุนที่เรียกว่าการลงทุนเพื่อผลตอบแทนในระยะยาวจริง ๆ ไม่ใช่นักเก็งกำไรในระยะสั้นที่ซื้อมาขายไปในระยะสั้น ๆ การลงทุนชนิดนี้สามารถทำควบคู่ไปกับงานประจำได้เพราะไม่จำเป็นต้องใช้แรงและเวลามาก แต่สิ่งที่จะต้องพึงระวังก็คือ จะเป็นต้องมีความรู้และวิเคราะห์ในการเลือกลงทุนในระดับหนึ่ง โดยเฉพาะข้อมูลในเชิงสถิติและปริมาณ มิเช่นนั้นแล้ว เงินลงทุนของเราอาจจะสูญเปล่าได้ การลงทุนในหุ้นสามารถสร้างรายได้แบบ Passive Income ได้  สำหรับการลงทุนแล้วและหวังสร้างกำไรมาก ๆ แต่ต้องใช้เงินจำนวนมาก  ส่วนอีกวิธีการหนึ่งคือ การนำเงินที่ได้จากการทำงานประจำ แล้วนำเงินที่ได้ไปออมไว้ในหุ้น ค่อย ๆ สะสมหุ้นที่ดี บริษัทเจ๋ง ๆ มีกำไรงาม มีรายได้เติบโต และสามารถจ่ายเงินปันผลอย่างต่อเนื่องทุก ๆ ปี
  • การลงทุนอสังหาริมทรัพย์ การซื้อสร้างบ้าน สร้างคอนโดให้เช่า ซื้ออาคารเก่าปรับปรุงใหม่แล้วขาย ทำธุรกิจสร้างอาคารพาณิชย์หรือคลังสินค้าให้เช่า  คุณสมบัติคนที่จะลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ได้ ต้องวิเคราะห์แนวโน้มเศรษฐกิจได้ สามารถคาดคะเนได้ว่า เป็นโครงการใหญ่ที่โดนใจลูกค้า อยู่บนพื้นที่ทำเลทอง การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์มักต้องใช้เงินเม็ดใหญ่ แน่นอนต้องมีเงินทุนที่สูง แต่ถ้าประสบความสำเร็จ จะสามารถสร้างรายได้ไม่หยุดได้เช่นกัน
  • การลงทุนด้านไอที หากใครที่สามารถประสบความสำเร็จในการมีสินค้าอะไรสักอย่างทางด้านไอทีอยู่ในมือ เชื่อมั้ยว่า ทุกวินาทีของคุณจะกลายเป็นเงินเลยทีเดียว ลองดูอย่างผู้ก่อตั้งเฟซบุ๊ค, google, amazon ดูสิครับ ซึ่งบุคคลเหล่านี้นอกจากจะมีพรสวรรค์แล้วหลายคนก็มาจากโอกาสด้วยเหมือนกัน สำหรับเรา ๆ ท่าน ๆ ที่ยังนึกไม่ออกว่าจะทำอะไรดี เราก็ไม่จำเป็นต้องเป็นผู้สร้างนวัตกรรมก็ได้ การลงทุนทางด้านไอทีปัจจุบันง่ายขึ้นมาก แถมมีผลตอบแทนที่สูง ลองอ่านบทความการลงทุนทางด้านไอที ด้านล่างนี้เพื่อเป็นข้อมูลในการประกอบการตัดสินใจครับ
  • ขายลิขสิทธิ์ การขายลิขสิทธิ์ส่วนตัวผมในปัจจุบันคิดว่าเป็นการสร้าง Passive Income ที่เริ่มต้นยากเหมือนกัน หากเราไม่เจ๋งจริง เช่น การเขียนหนังสือนิยาย การแต่งเพลง เป็นต้น ยิ่งในเรื่องของความบันเทิงด้วยแล้ว เราจะเห็นว่ามีการละเมิดลิขสิทธิ์กันทั่วไปจนกลายเป็นเรื่องปกติ แต่ตัวอย่างของผู้ประสบความสำเร็จก็มีมากมายเช่นกัน อย่างเช่น J.K. Rolling ผู้เขียนหนังสือ แฮร์รี่ พอตเตอร์
  • ธุรกิจเฟรนไชส์  คือระบบธุรกิจที่ผู้ขายแฟรนไชส์ ได้อนุญาตให้ผู้ซื้อแฟรนไชส์  สามารถใช้เครื่องหมายการค้าหรือแบรนด์  ชื่อทางการค้า  ตลอดจนสูตรลับ  กรรมวิธีต่าง ๆ เพื่อทำการผลิตสินค้าหรือให้บริการแก่ผู้บริโภค  นอกจากนี้ธุรกิจแฟรนไชส์ยังต้องมีระบบ วิธีการดำเนินธุรกิจในทุกๆ สาขาให้อยู่ในมาตรฐานเดียวกันกับต้นแบบของบริษัท เมื่อจำนวนสาขาแฟรนไชส์ เพื่มมากขึ้น ก็ยิ่งมีรายได้จากค่าลิขสิทธิ์หรือค่าใบอนุญาตต่าง ๆ จากผู้ซื้อแฟรนไชส์
  • ทำธุรกิจเครือข่าย (MLM :Multi-level Marketing) คือ การตลาดที่เน้นการมีส่วนร่วมของผู้คนในการกระจายสินค้า เพื่อขายสินค้าหรือบริการออกไปยังผู้บริโภคโดยตรง ธุรกิจเครือข่ายผู้บริโภคจะมีรูปแบบการเชื่อมโยงเป็นทอดๆลักษณะคล้ายใยแมงมุม เป็นการใช้สินค้าแล้วบอกต่อ  อาศัยการตลาดแบบปากต่อปาก เมื่อผู้คนที่อยู่ในเครือข่ายซื้อสินค้าใช้  คนที่เป็นเจ้าของโครงข่ายก็จะมักได้รับส่วนแบ่งรายได้จากเจ้าของธุรกิจ ลดหลั่นลงไปตามแผนส่วนแบ่งผลตอบแทน ธุรกิจเครือข่ายมีศักยภาพมากในการกระจายสินค้า มีต้นทุนต่ำและสามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้เร็ว ตัวอย่างของธุรกิจเครือข่ายอันดับต้น ๆ เช่น Amway

ที่เห็นคือตัวอย่างเท่านั้นในการสร้าง Passive Income จริง ๆ แล้วมีธุรกิจอีกมากมาย ถ้าจะให้เขียนให้หมดทุกประเภท คงบอกได้เลยว่าไม่มีวันหมดจริง ๆ ครับ

กาเหว่า
กาเหว่าhttp://konderntang.com
มีความชอบและหลงไหลในเทคโนโลยีทางด้านไอที การลงทุน และเงินคริปโต .. นอกจากนี้แล้วมักใช้เวลาว่างไปกับการท่องเที่ยว ถ่ายรูป ไปค่ายอาสา ..

Read more

Local News